Page 11 - :: สมุดภาพพิษณุโลก ::
P. 11
พิษณุโลกมีแหล่งเตาเผาเคร่องปั้นดินเผาโบราณสมัยสุโขทัยตอนปลาย เรียกกันว่า “เตาเผาพิษณุโลก” หรือ
ื
ี
้
“เตาเผาลุ่มนำาน่าน“ ท่กรมศิลปากร และ ดร.ดอนไฮน์ นักโบราณคดีชาวออสเตรเลีย ร่วมกันสำารวจทางโบราณคด ี
ใน พ.ศ. ๒๕๒๗ พบซากเตาเผาโบราณจมอยู่ใต้ดินจำานวนกว่า ๔๐ เตา ที่แหล่งเตาบ้านเตาไห (ตาปะขาวหาย) ชุมชน
ึ
ำ
้
โบราณริมแม่นาน่าน ตำาบลหัวรอ อำาเภอเมืองพิษณุโลก คือส่วนหน่งของร่องรอยวิวัฒนาการความเจริญรุ่งเรืองของเมือง
พิษณุโลกตั้งแต่อดีตที่มีวิวัฒนาการสืบต่อมาจนปัจจุบัน
หลักฐานสำาคัญทางประวัติศาสตร์ที่กล่าวถึงที่มาของพิษณุโลกในรูปแบบของ “ตำานาน” คือ “พงศาวดารเหนือ”
ว่าด้วยตำานานการสร้างเมืองพิษณุโลกมีความเก่ยวข้องกับ “พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก” แห่งเมืองเชียงแสน มีพระราชโองการ
ี
ให้ “จ่านกร้อง” และ “จ่าการบุญ” ลงมาจากเมืองเชียงแสนพร้อมด้วยเกวียนคนละ ๕๐๐ เล่ม เมื่อมาถึงเมืองสองแคว
ิ
้
จึงแยกย้ายตั้งถ่นฐานกันคนละฝั่ง จ่านกร้องสร้างเมืองด้านทิศตะวันตกของแม่นาน่าน จ่าการบุญสร้างเมืองด้านทิศ
ำ
ิ
ื
้
ตะวันออกของแม่นำาน่าน เม่อพระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎกทราบข่าวแล้วทรงยินดีเป็นอย่างย่งและเสด็จลงมาจากเมือง
เชียงแสน และให้ตั้งชื่อเมืองว่า “พิษณุโลก” ตามยาม (เวลา) ที่พระองค์เสด็จมาถึงเมืองนี้
เมืองพิษณุโลกสมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ ๓
สมัยสุโขทัย เมืองสองแคว (พิษณุโลก) เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรสุโขทัย ครั้งสมัยพระมหาธรรมราชาที่ ๑
(ลิไท) เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๑๙๐๐ เสด็จมาประทับที่เมืองพิษณุโลกเพื่อปกป้องมิให้ทางกรุงศรีอยุธยาคุกคามอาณาจักร
สุโขทัย ทรงปฏิสังขรณ์พระมหาธาตุสร้างวัดวาอาราม ทำานุบำารุงพระพุทธศาสนาอยู่ ๗ ปี ต่อมาพระเจ้าไสฤๅไทย พระราชโอรส
ุ
ุ
ั
มาครองเมองในฐานะเมืองลูกหลวง ต่อสกองทพกรงศรีอยธยาไม่ได้กยอมอ่อนน้อมตามเดม เพื่อเป็นการปองกนมให้ทาง
ู้
ั
ิ
้
็
ิ
ื
ื
ิ
ี
กรุงศรีอยุธยาคุกคามอาณาจักรสุโขทัย และได้ต้งศูนย์กลางการบริหารอาณาจักรท่เมืองสองแคว เม่อพระองค์ส้นพระชนม์
ั
ขุนหลวงพ่องั่วได้ขึ้นครองราชย์ที่กรุงศรีอยุธยา ทรงใช้กำาลังยึดเมืองพิษณุโลกได้
สมัยอยุธยา เมืองพิษณุโลกทวีความสำาคัญมากข้น เพราะลักษณะท่ตั้งน้นอยู่ก่งกลางระหว่างกรุงศรีอยุธยา
ึ
ี
ึ
ั
ี
กับอาณาจักรฝ่ายเหนือ (ล้านนา) ในสมัยสมเด็จพระบรมราชาท่ ๒ (เจ้าสามพระยา) ทรงโปรดให้พระราเมศวร พระราชโอรส
ขึ้นไปปกครองเมืองสองแคว และครองราชสมบัติเฉลิมพระนามว่า สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระองค์ทรงปฏิรูปการ
ั
ปกครองในรูปแบบการดึงอำานาจเข้าสู่ศูนย์กลาง เม่อคร้งทำาศึกสงครามกับพระเจ้าติโลกราชแห่งเมืองเชียงใหม่ พระองค์
ื
ได้มาประทับอำานวยการศึกที่เมืองพิษณุโลกในขณะนั้น พิษณุโลกจึงมีฐานะเป็นราชธานีของอยุธยานานถึง ๒๕ ปี คือ
ต้งแต่ พ.ศ. ๒๐๐๖ - ๒๐๓๑ เมืองพิษณุโลกถือเป็นเมืองสำาคัญในการรวมอาณาจักรสุโขทัยและอยธุยาเข้าเป็นอาณาจักร
ั
เดียวกัน ด้วยพระปรีชาสามารถของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พร้อมกับทรงอุปถัมภ์ศาสนา โปรดให้สร้างพระอาราม
วัดจุฬามณี ตลอดจนบูรณะวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ แล้วทรงจัดให้มีการเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่ถึง ๑๕ วัน
้
ั
ั
ู
ี
ต่อมาเมืองพิษณุโลกมีฐานะเป็นเมืองลกหลวง และเป็นหน้าด่านสำาคญท่จะสกัดกนกองทัพพม่า มิให้รุกราน
กรุงศรีอยุธยาได้ เช่น ในรัชกาลของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระองค์ทรงดำารงฐานะพระมหาอุปราชครองเมือง
พิษณุโลก ระยะนนอยธยาตกเป็นเมองขนของพม่า สมเดจพระนเรศวรได้ทรงรวบรวมชายฉกรรจ์ชาวพิษณุโลกและ
ื
้
ึ
้
ั
ุ
็
ในหัวเมืองฝ่ายเหนือร่วมกันกอบกู้อิสรภาพสำาเร็จได้ใน พ.ศ. ๒๑๒๗
สมัยธนบุรี เมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่าครั้งที่ ๒ (พ.ศ. ๒๓๑๐) บรรดาหัวเมืองใหญ่ได้ตั้งเมืองเป็นอิสระ
ั
ั
รวมท้งพิษณุโลกด้วย หลังจากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมีชัยชนะบรรดาหัวเมืองดังกล่าว ได้ต้งเมืองพิษณุโลก
เป็นหัวเมืองเอกขึ้นกับกรุงธนบุรี
ี
๓ ข้อมูลจากจากหนังสือคู่มือการท่องเท่ยวพิษณุโลก (การท่องเท่ยวแห่งประเทศไทย สำานักงานภาคเหนือ เขต ๓. ๒๕๔๔. คู่มือการท่องเท่ยว
ี
ี
พิษณุโลก. พิษณุโลก: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำานักงานภาคเหนือ เขต ๓)
สมุดภาพพิษณุโลก 9