Page 11 - •-- สมุดภาพอ่างทอง --•
P. 11
ตามพระราชพิธีของพราหมณ์แล้วยกทัพไป แต่สวรรคตเสียที่เมืองหางหรือเมืองห้างหลวง สมเด็จ
ื
ี
พระเอกาทศรถน�าพระบรมศพกลับกรุงศรีอยุธยา ต่อเน่องถึงในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระสรรเพชญ์ท่ ๘
ั
(พระเจ้าเสือ) พระองค์ได้ปลอมเป็นสามัญชนไปในงานฉลองพระอาราม ได้ทรงชกมวยได้ชัยชนะถึง ๒ คร้ง
ี
ื
ี
สถานท่เสด็จไปก็คือ บ้านประจันตชนบท แขวงเมืองวิเศษไชยชาญ เช่อกันว่างานฉลองวัดท่เสร็จไป
น้นอาจเป็นวัดโพธิ์ถนนหรือวัดถนน ซึ่งเป็นวัดร้างอยู่ในต�าบลตลาดกรวด (อาเภอเมืองอ่างทอง)
�
ั
�
ี
ึ
ั
น่นเอง ซ่งเหตุการณ์ดังกล่าวช้ให้เห็นว่าดินแดนของอ่างทองยังคงความสาคัญต่อเมืองหลวงคือ
ี
ื
ื
กรุงศรีอยุธยา เม่อมีงานนักขัตฤกษ์ของสามัญชนท่เล่องลือเข้าไปถึงพระราชวังในเมืองหลวง แม้แต่
พระมหากษัตริย์ก็ทรงสนพระทัยที่จะทอดพระเนตรและทรงเข้าร่วมด้วยกันอย่างสามัญ
พ.ศ. ๒๒๖๙ ในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ ได้เสด็จไปควบคุมการชะลอ
่
่
่
�
ิ
พระพุทธไสยาสน์วัดปาโมก เพราะปรากฏว่าแมน�าเจ้าพระยาตรงหน้าวัดนาเซาะกัดตลงจนอาจทาให ้
�
้
้
�
�
ั
พระวิหารพระพุทธไสยาสน์ถูกทาลายลงได้ จึงมีรับส่งให้ทาการชะลอพระพุทธไสยาสน์เข้าไป
ประดิษฐานห่างฝั่งออกไป ๑๕๐ เมตร ใช้เวลาทั้งหมดกว่า ๕ เดือน
ิ
็
ุ
่
ื
ื
ู
่
้
ั
ิ
่
ั
เนองจากเมองวเศษไชยชาญเคยเปนยทธภมระหวางทหารไทยกบทหารพมาหลายครง จึงม ี
บรรพบุรุษผู้สร้างวีรกรรมอันกล้าหาญในการรบกับพม่าหลายท่าน อาทิ นายดอก ชาวบ้านกรับ และ
นายทองแก้ว ชาวบ้านโพธิ์ทะเล ท้งสองท่านเป็นชาวเมืองวิเศษไชยชาญ ได้ร่วมกับชาวบ้านของเมือง
ั
วิเศษไชยชาญสู้รบกับพม่าอยู่ท่ค่ายบางระจัน ซ่งสมัยนั้นอยู่ในแขวงเมืองวิเศษไชยชาญ และสนามรบ
ี
ึ
ี
�
ส่วนใหญ่อยู่ในท้องท่อาเภอแสวงหา วีรกรรมอันกล้าหาญชาญชัยของนักรบไทยค่ายบางระจันสมัยนั้น
เป็นที่ภาคภูมิใจและประทับอยู่ในความทรงจ�าของคนไทยทุกคนตลอดมา
พ.ศ. ๒๓๐๒ วีรกรรมของนับรบแขวงเมืองวิเศษไชยชาญ คือขุนรองปลัดชูกับกองอาตมาฏ
ี
ในคร้งนั้นตรงกับรัชกาลของสมเด็จพระท่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ (สมเด็จพระเจ้าเอกทัศ) ข้นครอง
ั
ึ
ั
ราชสมบติกรุงเทพทวารวดศรีอยุธยา พระเจ้าอลองพญาครองราชสมบัติกรุงองวะรัตนสงห์ ปกครองพม่า
ั
ี
ิ
ั
รามัญท้งปวง ทรงให้เกณฑ์ไพร่พล ๘,๐๐๐ นาย ให้มังฆ้องนรธาเป็นนายทัพยกมาตีเมืองทวาย มะริด
และตะนาวศรี พระเจ้าเอกทัศทรงเกณฑ์พล ๕,๐๐๐ นาย แบ่งเป็นสองทัพ โดยให้พระราชรองเมือง
ว่าท่ออกญายมราชคุมทัพใหญ่พล ๓,๐๐๐ นาย แลให้ออกญารัตนาธิเบศร์คุมทัพหนุนพล ๒,๐๐๐ นาย
ี
ในคร้งนั้นมีครูฝึกเพลงอาวุธอยู่ในเมืองวิเศษไชยชาญอยู่ผู้หน่งชื่อครูดาบชู ซึ่งได้รับแต่งตั้งจาก
ั
ึ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศให้เป็นปลัดเมือง กรมการเมืองวิเศษไชยชาญ ชาวบ้านจึงเรียกว่า
ขุนรองปลัดชู น�ากองอาตมาฏจ�านวน ๔๐๐ นาย มาอาสาศึก แลได้ติดตามไปกับกองทัพออกญา
ื
รัตนาธิเบศร์ เม่อเดินทางข้ามพ้นเขาบรรทัดก็ได้ทราบว่า เมืองมะริดและตะนาวศรีเสียแก่ข้าศึกแล้ว
จึงต้งทัพรออยู่เฉยๆ โดยทัพพระราชรองเมืองตั้งอยู่ท่แก่งตุ่มตอนปลายแม่นาตะนาวศรี ส่วนออกญา
ั
้
ี
�
รัตนาธิเบศร์ตั้งทัพอยู่ที่เมืองกุยบุรี แต่ให้กองอาตมาฏมาขัดตาทัพรอที่อ่าวหว้าขาว
จากนั้นสามวันทัพพม่าเข้าตีทัพไทยท่แก่งตุ่มแตกพ่ายไป และยกมาเพื่อเข้าตีทัพหนุน
ี
ั
้
�
ิ
้
่
้
ั
่
ั
้
ั
้
�
ั
ุ
้
กองอาตมาฏของขนรองปลดชูไดรบคาสงใหตังรบพม่าทตาบลหวาขาวรมทะเล ครนพอเพลาเชาทพพมา
ั
ี
่
๘,๐๐๐ นาย ก็ปะทะกับกองอาตมาฏ ๔๐๐ นาย ทัพทั้งสองปะทะกันดุเดือดจนถึงเที่ยงมิแพ้ชนะ
แต่ทัพไทยพลน้อยกว่าก็เร่มอ่อนแรง ขุนรองปลัดชูรบจนส้นกาลังถูกทหารพม่ารุมจับตัวไป จากนั้น
ิ
ิ
�
�
่
พม่าให้ช้างศึกเข้าเหยียบยาทัพไทยล้มตายเป็นอันมาก กองอาตมาฏ ๔๐๐ คนตายแทบจะส้นท้งทัพ
ั
ิ
ึ
้
ึ
ึ
เพื่อระลกถงวรกรรมของกองอาสาวเศษไชยชาญในครงนัน จงได้มการสร้างวัดขนเป็นทระลกแก่
ี
่
ี
้
้
ิ
ี
ึ
ั
ึ
นักรบกล้าทั้ง ๔๐๐ นาย เรียกกันว่า “วัดสี่ร้อย”
สมัยกรุงธนบุรี หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ สันนิษฐานว่าเมืองวิเศษไชยชาญ
�
ี
และบ้านเมืองในอาณาบริเวณใกล้เคียงท่เคยมีความสาคัญคงจะร้างผู้คนจากภัยสงคราม ประชาชน
พลเมืองกระจัดพลัดพรายหลบล้หนีภัยไปอยู่ในท่ต่างๆ ส่วนท่รวบรวมกาลังกันได้โดยเร็วคงเป็น
ี
ี
ี
�
ชาวเมืองวิเศษไชยชาญ ดังปรากฏหลักฐานว่า พระยาอินทรวิชิตเจ้าเมืองวิเศษไชยชาญได้ไปราชการทัพ
ช่วยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชปราบชุมนุมเจ้าพระฝาง เมืองสวางคบุรี และนาช้างสาคัญมาน้อมเกล้าฯ
�
�
สมุดภาพอ่างทอง 9