Page 8 - :: สมุดภาพนครนายก :: ประมวลภาพถ่ายเก่าของจังหวัดนครนายก โดยความร่วมแรงร่วมใจของชาวนครนายก
P. 8

ค�าน�า



                   ในที่สุดนครนายกก็มีสมุดภาพเล่มแรกเมื่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครนายก โดยการน�าของนายสัญญา

           บุญ-หลง เห็นชอบอนุมัติให้จัดสรรงบประมาณพิมพ์หนังสือชื่อ สมุดภำพนครนำยก ขึ้น เพื่อเก็บหลักฐานภาพเก่า
           ต่างๆ ในนครนายกไว้เป็นหลักฐาน และเพื่อแจกจ่ายไปยังสถานศึกษาต่างๆ เพื่อประโยชน์ทางการค้นคว้า

                   นครนายกอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ จะขับรถไปทางเส้นรังสิต – นครนายกก็ได้ หรือไปทางทางด่วนบางปะอิน
           ผ่านหนองแค วิหารแดง มุ่งตรงไปทางอ�าเภอบ้านนาและอ�าเภอเมืองก็ได้ เส้นทางสายหลังนี้แลเห็นทิวเขาเป็นฉากหลัง
           ดูงดงาม น่าถ่ายรูปเป็นอันมาก

                   ตราประจ�าจังหวัดคือ ช้างชูรวงข้าว
                   สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและสถานที่ส�าคัญของนครนายก เมืองอันเงียบสงบ ได้แก่ น�้าตกสาริกา น�้าตก

           นางรอง น�้าตกวังตะไคร้ น�้าตกเหวนรก น�้าตกกะอาง อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ วัดใหญ่ทักขิณาราม วัดดง เขื่อนขุนด่าน
           ปราการชล เมืองโบราณดงละคร โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
                   เพลงพื้นบ้านที่เคยนิยมร้องเล่นกันในนครนายกคือ เพลงหน้าใย หรือเพลงโช้ กับเพลงระบ�าบ้านนา

                   ค�าขวัญประจ�าจังหวัดคือ “นครนำยก เมืองในฝันที่ใกล้กรุง ภูเขำงำม น�้ำตกสวย รวยธรรมชำติ ปรำศจำกมลพิษ”

                   การปกครองของนครนายกแบ่งออกเป็น ๔ อ�าเภอ คือ ๑. อ�าเภอเมือง ๒. อ�าเภอบ้านนา ๓. อ�าเภอปากพลี
           ๔. อ�าเภอองครักษ์ รวมประชากรทั้งสิ้นราว ๒๖๐,๐๐๐ กว่าคน
                   หนังสือ วัฒนธรรม พัฒนำกำรทำงประวัติศำสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญำจังหวัดนครนำยก พิมพ์เมื่อ พ.ศ.

           ๒๕๔๔ กล่าวว่าที่บ้านห้วยกรวด ต�าบลเขาเพิ่ม อ�าเภอบ้านนา นักโบราณคดีเคยขุดพบโกลนขึ้นรูปขวานหิน และเศษ
           ภาชนะดินเผาต่างๆ เป็นจ�านวนมาก

                   ส่วนที่เมืองโบราณดงละคร อ�าเภอเมือง ก็มีคูน�้าคันดินรูปวงกลมอายุราวพันกว่าปี ชาวบ้านเรียกบริเวณนี้
           ว่าเมืองลับแล
                   นครนายกเป็นเมืองบนเส้นทางยุทธศาสตร์ ระหว่างอยุธยากับดินแดนเขมร หรือกัมพูชา สิ่งที่น่าสนใจคือ

           นครนายกเคยเป็นที่เลี้ยงช้างและเป็นท่าข้ามของช้างมาแต่โบราณ มีบันทึกในพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยา ฉบับสมเด็จ
           พระพนรัตน์ว่า เมื่อ พ.ศ. ๒๒๖๔ พระเจ้าอยู่หัวท้ายสระเสด็จไปไล่ช้างเถื่อนที่นครนายกในคืนเดือนหงายจนเกิดอุบัติเหตุ

                   สมเด็จฯ กรมพระยาด�ารงราชานุภาพทรงเล่าในหนังสือนิทำนโบรำณคดี (เรื่องที่ ๒๑) ว่าแต่ก่อนช้างเคยอยู่
           ในทุ่งหลวง ตั้งแต่บางกะปิไปจนถึงนครนายก ครั้นมีการขุดคลองรังสิตในสมัยรัชกาลที่ ๕ ช้างเถื่อนก็ถอยหนีห่างออก
           ไปจนไปอยู่ทางนครนายกโดยมาก พระองค์เคยเสด็จไปปราจีนบุรีทางคลองรังสิตและล�าน�้าองครักษ์ยังเคยพบโขลงช้าง
           เถื่อนว่ายน�้าผ่านหน้าเรืออย่างใกล้

                   ช้างในทุ่งหลวงนี้ สมเด็จฯ กรมพระยาด�ารงราชานุภาพกล่าวว่าเป็นช้างส�าหรับจับไว้ใช้ในราชการเป็นประเพณี
           มาแต่กรุงศรีอยุธยา จนถึง พ.ศ. ๒๔๕๐ เกิดเหตุช้างชนรถไฟตกจากรางที่เชียงราก ปทุมธานี ทางการจึงต้อนช้างในทุ่ง
           หลวงไปอยู่ในป่าเชิงเขาใหญ่เมืองนครนายกจนหมด การจับช้างที่เพนียด (อยุธยา) ก็เป็นอันเลิก

                   ส่วนหนังสือวัฒนธรรม พัฒนำกำรทำงประวัติศำสตร์ฯ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในหน้า ๑๑๙ ว่าช้างนครนายกเคย
           มีทางอ�าเภอบ้านนา มีผู้ดูแลช้างและเพนียดหรือคอกช้างที่หลังวัดไม้รวก อ�าเภอบ้านนา

                    แต่เดิมมา เมืองไทยเราไม่ค่อยสนใจท�าหนังสือในแนวประมวลภาพนัก คงเน้นท�าแต่หนังสือรวมข้อเขียนเป็น
           หลัก พอเวลานานไป ภาพต้นฉบับแท้ๆ ก็ถูกแมลง เช่น ปลวก ตัวสามง่าม หนอนหนังสือกัดกินบ้าง ถูกไฟไหม้บ้าง




           6   สมุดภำพนครนำยก
             Ÿ
   3   4   5   6   7   8   9   10   11   12   13