Page 242 - :: สมุดภาพกรมทางหลวง เล่ม ๒ ::
P. 242

ต�าแหน่งดังกล่าวส�าคัญมากแต่คงไม่มีใครอยากจะไป  บนถนนสถิตนิมานการ อุบลราชธานี ด้วยแบบวิศวกรรมอันทัน
           เวลานั้นเป็นช่วงปลายสงคราม จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายก สมัย ใช้โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กโค้งหิ้วรับตัวสะพาน แล้ว
           รัฐมนตรีต้องการย้ายเมืองหลวงอย่างเร่งด่วนจากกรุงเทพไปอยู่ ถ่ายน�้าหนักลงบนตอม่อโดยไม่มีเสากลาง ส�าเร็จงดงาม ชาวบ้าน
           ที่นั่นเพื่อเตรียมการจะแตกหักกับญี่ปุ่น แต่แผนนี้ไม่ส�าเร็จเพราะ ตื่นเต้นมาก เพราะเคยเห็นแต่สะพานไม้ที่ใช้เสามากมาย รัฐบาล
           แพ้เชิงการเมืองของนายปรีดี พนมยงค์ ในทางลับคือหัวหน้า  จึงให้เกียรติขนานนามสะพานนี้อย่างเป็นทางการว่า “สะพาน
           เสรีไทยสายในประเทศที่ต้องการก�าจัดจอมพล ป. ผู้ที่สัมพันธมิตร กาวิละวงศ์”
           หมายหัวว่าเป็นศัตรูให้พ้นจากต�าแหน่ง จึงให้ ส.ส. ในคาถาของ  เมื่อองค์การสหประชาชาติจัดตั้งส�านักงานคณะกรรมการ
           ตนโหวตคว�่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว นายกรัฐมนตรีจึงต้อง  เศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียแปซิฟิก Economic Commission
           ลาออกตามกติกา เรื่องนี้แทบทุกคนก็เต็มใจจะโหวตล้มอยู่แล้ว   For Asia And The Far East (ECAFE) ขึ้น เพื่อให้ความช่วยเหลือ
           ไม่มีใครอยากย้ายไปตายด้วยไข้ป่าในเพชรบูรณ์ เวลานั้นคนงาน  ด้านเศรษฐกิจของเมืองไทยหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ในกรมทาง
           ที่รัฐบาลส่งไปบุกเบิกงานก่อสร้างพากันล้มตายราวกับใบไม้ร่วง   ไม่มีใครเหมาะสมเท่าท่านทั้งด้านความรู้และประสบการณ์ เจ้า
           แต่นายช่างกระดูกเหล็กไม่ตาย กลับมารับราชการต่อในกรุงเทพ  กาวิละวงศ์จึงถูกส่งไปร่วมท�างานในฐานะเจ้าหน้าที่ประสาน
           มีต�าแหน่งเป็นผู้เชี่ยวชาญกรมทางหลวง            นโยบาย ท่านท�างานตรงนี้ได้ ๒ ปี จึงเกษียณอายุเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐

                 ส่วนเจ้ากานั้น ทั้งกระดูกเหล็ก ทั้งโชคดี จึงมีชีวิตรอด ปจจุบันองค์การอีคาเฟ่นี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็นแอสแคป (ESCAP)
           กลับมาได้                                              หลังจากนั้นชีวิตของท่านก็อยู่กับงานอดิเรกในด้านการ

                 เจ้ากาวิละวงศ์ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ที่ทรหดมาก  ถ่ายภาพ ซึ่งท่านมีความช�านาญมาแต่เก่าก่อน บรรดาภาพที่
           สมฉายา ระหว่างอยู่ในหน้าที่นี้ เคยเดินส�ารวจป่าเขาอันทุรกันดาร ท่านถ่ายไว้เมื่อครั้งท�างานเกี่ยวกับถนนและสะพานมีนับพันรูป
           เป็นระยะทางนับร้อยกิโลเมตร เพื่อจะหาแนวทางของถนนที่จะตัด แต่ละรูปได้เขียนบันทึกเรื่องราวไว้เป็นอย่างดี ท�าให้มีคุณค่าทาง
           จากอ�าเภอแม่สรวยไปอ�าเภอฝางด้วย                 ประวัติศาสตร์มาก แล้วท่านยังได้ร่วมก่อตั้งสมาคมถ่ายภาพ
                 เมื่อเหตุร้ายต่างๆ ทางการเมืองภายนอกและภายใน  แห่งประเทศไทยขึ้น ซึ่งใน  พ.ศ.  ๒๕๐๔  สมาคมนี้ได้รับ
           สงบลง ใน พ.ศ. ๒๔๙๒ สมเด็จพระนางเจ้าร�าไพพรรณีได้  พระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล
           อัญเชิญพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจาก  อดุลยเดช ทรงรับเข้าอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์
           ประเทศอังกฤษกลับสู่ประเทศไทย ทว่าเวลานั้นพระต�าหนักวัง   เจ้ากาวิละวงศ์ ณ เชียงใหม่ ได้สมรสกับเจ้าศิริประกาย
           ศุโขทัย แม้ว่าจะเป็นสมบัติส่วนพระองค์ที่สมเด็จพระศรีพัชรินทรา  มีบุตรธิดา ๓ คน คือ เจ้าพงษ์กาวิล เจ้าศิริกาวิล และเจ้า
           บรมราชินีพันปีหลวงทรงใช้พระราชทรัพย์สร้างพระราชทาน กอแก้วประกายกาวิล คนสุดท้อง ท่านหลังนี้คือไฮโซเซเลบ
           เป็นของขวัญเนื่องในการอภิเษกสมรสก็ตาม แต่ก็กลับกลายไป ตัวจริงเสียงจริงของฟ้าเมืองไทย เมื่อสูงวัยเป็นเจ้าป้าผู้มีจิตใจดี ไม่
           เป็นของส�านักงานทรัพย์สินฯ ซึ่งถูกรัฐบาลคณะราษฎรยึดไป เคยนินทาว่าร้ายใคร มีน�้าใจ ไม่ถือตัว และนิสัยรื่นเริงสนุกสนาน
           สังกัดกระทรวงการคลังแล้ว และใช้เป็นที่ท�าการของกระทรวง ตามบทสรุปที่ผู้ใกล้ชิดทุกคนกล่าวขวัญถึง
           สาธารณสุข ดังนั้น สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีจึงได้  เมื่อเจ้าศิริประกายถึงแก่กรรม ท่านได้สมรสใหม่อีกครั้ง
           เชิญเสด็จไปประทับ ณ พระต�าหนักของสมเด็จพระบรมราชชนก   กับคุณถนิม (นาวานุเคราะห์) แต่ไม่มีบุตรด้วยกัน
           ในวังสระปทุม                                           วิศวกรกระดูกเหล็กเริ่มมีอาการป่วยกระเสาะกระแสะ

                 สมเด็จพระนางเจ้าร�าไพพรรณีมิได้ทรงรบกวนสมเด็จ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๖ เริ่มจากไหล่ที่เคยหลุดคราวเครื่องบินตก
           พระศรีนครินทร์นานเกินควร เพราะทรงมีพระราชประสงค์ที่จะ เกิดอักเสบและอาการลุกลามไปที่อื่นจนเดินไม่ถนัดเหมือนเดิม
           เสด็จไปประทับที่ต่างจังหวัด เพื่อจะทรงพักผ่อน ท�าไร่ ท�าสวน    หลังจากนั้นก็ต้องเข้าโรงพยาบาลแทบจะทุกปี คราวหนึ่งล�าไส้
           จึงโปรดให้เจ้ากา ซึ่งมาถวายการรับใช้ใกล้ชิดอยู่ด้วยความกตัญญู  ไม่ท�างาน ระหว่างที่ป่วยอยู่โรงพยาบาลนั้น สมเด็จพระนางเจ้า
           ไปเสาะหาที่ดินอันเหมาะสมให้ ซึ่งไปได้ห่างจากตัวเมืองจันทบุรี  ร�าไพพรรณีได้เสด็จไปเยี่ยมเจ้ากาถึง ๒ ครั้งจนหาย เข้าโรงพยาบาล
           ๕ กิโลเมตร ประมาณ ๗๓๐ ไร่ ทรงพอพระทัย จึงทูลลาออกจาก ครั้งสุดท้ายด้วยอาการของโรคเบาหวาน แต่หมอกลับเจอว่าเป็น
           วังสระปทุมมาทรงสร้างวังสวนบ้านแก้ว แล้วประทับด้วยความ มะเร็งที่ปอดและตับอ่อน แต่ไม่ได้เจาะตรวจเพราะอายุมากแล้ว
           สุขจวบจนพระชนมายุสูงขึ้น และพระพลานามัยไม่สมบูรณ์แล้ว  เมื่อเห็นว่าไม่มีทางหาย เจ้ากาวิละวงศ์จึงตัดสินใจกลับมารักษา
           รัฐบาลใน พ.ศ. ๒๕๑๕ ได้กราบบังคมทูลขอให้เสด็จกลับมา ตามอาการที่บ้าน อยู่ได้อีก ๒ เดือนจึงได้ถึงแก่กรรมด้วยอาการ
           ประทับ ณ วังศุโขทัย ซึ่งได้ย้ายกระทรวงออกไปแล้วและท�าการ อันสงบ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๐ สิริอายุรวม ๗๐ ปี
           บูรณะใหม่ถวาย และขอพระกรุณาทูลเกล้าถวายเงิน ๑๘ ล้านบาท  กับอีก ๒ วัน
           เพื่อขอรับพระราชทานที่ดินวังสวนบ้านแก้ว เพื่อจัดตั้งวิทยาลัย  ชีวิตของเจ้ากาวิละวงศ์ ณ เชียงใหม่ อุทิศให้กับสองเรื่อง
           ครูจันทบุรีสืบไป                                คือความจงรักภักดีและกตัญญูต่อพระองค์ผู้ทรงมีพระคุณ และการ
                 เจ้ากาวิละวงศ์ยังคงท�างานกรมทางภาคอีสานจน พ.ศ.  งานในหน้าที่ ไม่ว่าจะต้องสมบุกสมบันเท่าไหนก็ไม่ท้อถอย นับ
           ๒๔๙๓ ในฐานะที่เป็นผู้อ�านวยการสร้างสะพานข้ามแม่น�้าล�าโดมใหญ่    เป็นตัวอย่างอันดีต่ออนุชน




           240 I 240
   237   238   239   240   241   242   243   244