Page 208 - สมุดภาพ กรมทางหลวง ยุคแรก เนื่องในโอกาส ๑๐๙ ปี กรมทางหลวง ๒๔๕๕-๒๕๖๔
P. 208
เจ้ากาวิละวงศ์
วิศวกรกระดูกเหล็กแห่งกรมทาง
โดย ม.ล.ชัยนิมิตร นวรัตน
เจ้ากาวิละวงศ์ ณ เชียงใหม่
เป็นบุตรของเจ้าราชวงศ์ (ชมชื่น ณ เชียงใหม่)
กับเจ้ากรรณนิกา ณ เชียงใหม่
เจ้ากาวิละวงศ์ ณ เชียงใหม่ สมัยหนุ่มร่างสูงใหญ่ หน้าตาดีมีเสน่ห์มาก
ี
ในหนังสือ “คือเส้นทางสร้างชาติไทย” ของกรมทาง มเร่อง เจ้ากาวิละวงศ์แรกเข้ารับราชการที่กรมรถไฟหลวงเมื่อ
ื
ของบรรพชนกรมทางรุ่นบุกเบิกท่านหนึ่ง ชื่อของท่านเห็นแล้ว พ.ศ. ๒๔๖๖ มีต�าแหน่งเป็นนายช่างผู้ช่วย ควบคุมการก่อสร้าง
รู้สึกคุ้นมาก ตั้งแต่พระนาม “พระเจ้ากาวิละ” ซึ่งพระบาทสมเด็จ สะพานพระราม ๖ บริษัท เล เอตาบริดจ์มองต์ ไตเต ประเทศ
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาข้นเป็นพระเจ้า ฝร่งเศสเป็นผู้ออกแบบรับเหมา ก่อนท่สะพานจะเสร็จพระบาท
ี
ึ
ั
ั
เชียงใหม่ ปกครองดินแดนล้านนาไทท้ง ๕๗ เมือง หลังจากกองทัพ สมเด็จพระมงกุฏเกล้าฯได้เสด็จสวรรคตไปแล้ว องค์ผู้เสด็จ
ไทยได้ขับไล่พม่าผู้ยึดครองมานมนานกว่าสองร้อยปีออกไปได้ พระราชด�าเนินมาทรงกระท�าพิธีเปิดสะพานในปี ๒๔๖๙ จึงเป็น
เจ้ากาวิละวงศ์ ณ เชียงใหม่ ถือเป็นชั้นหลานทวด ชีวิตของท่าน พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ เจ้ากาได้เฝ้ารับเสด็จ
ื
มสสนมากไม่ใช่เฉพาะเรองการงานสร้างถนนหนทาง แต่เพราะ พ.ศ. ๒๔๖๘ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ พร้อม
่
ั
ี
ี
ไปเกี่ยวพันกับเหตุการณ์น่าสนใจในประวัติศาสตร์หลายเรื่อง ด้วยสมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จ
�
ี
เม่ออายุ ๓ ขวบ เจ้าแม่ของเจ้ากาวิละวงศ์ถึงแก่กรรม เจ้า พระราชดาเนนเลยบมณฑลฝายเหนือและมณฑลพายพ เจานาย
ื
่
ั
ิ
�
้
พ่อจึงนาตัวท่านกับพี่สาวมากรุงเทพในสมัยปลายรัชกาลท่ ๕ เพื่อ ฝ่ายเหนือน�าโดยพระราชชายา เจ้าดารารัศมี และเจ้าหลวงแก้ว
ี
�
ี
ี
ยกให้เจ้าดารารัศมีโดยหวังอนาคตท่ดีกว่า พระราชชายาเล้ยงด ู นวรัฐ ได้จัดถวายการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติสูงสุด ในวันท ี ่
ั
ี
อุปการะไว้ยังพระบรมมหาราชวังฝ่ายในจนถึง ๘ ขวบ พระบาท ทรงช้างพระท่น่งแห่เข้าเมือง เจ้ากาได้รับหน้าท่เป็นควาญท้าย
ี
สมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ โปรดให้พระองค์เจ้าจรูญศักดิ์ กฤดากร ช้างทรงของสมเด็จพระบรมราชินี เสด็จตามช้างทรงของพระบาท
ออกไปเป็นราชทูตท่ฝร่งเศส จึงทรงพระกรุณาให้ท้งสองพี่น้อง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีขบวนช้างในขบวนเสด็จย่งใหญ่อลังการ
ั
ั
ิ
ี
ติดตามไปเรียนหนังสือที่นั่นด้วย กว่า ๘๐ เชือก หลังจากนั้น ได้ร่วมฟ้อนกับเจ้านายฝ่ายเหนือเพื่อ
หลังจากอยู่ท่ปารีสปีเศษ พระองค์เจ้าจรูญศักด์ได้ส่งเจ้า น�าขบวนบายศรีทูลพระขวัญด้วย
ิ
ี
ั
้
ุ
ี
่
ู
ิ
กาวิละวงศ์ไปเรียนพับลกสกลในอังกฤษท Timsbury แต่ทกครงท ี ่ ๓๓ ปีต่อมา เจ้ากาวิละวงศ์ยังได้มีโอกาสสนองพระ
ี
ปิดเทอมก็ได้ไปพ�านักท่สถานทูตสยามในกรุงปารีส และย้ายไปเข้า มหากรุณาธิคุณ โดยร่วมฟ้อนกับเจ้านายฝ่ายเหนือในการน�า
มัธยมจนเข้ามหาวิทยาลัยที่นั่น จบได้ปริญญาตรี ขบวนบายศรีทูลพระขวัญ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา
ื
สมัยเม่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ยังทรงเป็น ภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
สมเด็จเจ้าฟ้าประชาธิปก และศึกษาอยู่ในยุโรปน้น ทรงร้จักเจ้า ในคราวเสด็จเยือนเชียงใหม่เป็นครั้งแรกในปี ๒๕๐๑ เช่นกัน
ั
ู
กาวิละวงศ์ตั้งแต่ ๑๐ ขวบ ทรงเล่าให้นักเรียนไทยรุ่นหลังๆ ฟัง สมัยก่อนโน้นกระทรวงคมนาคมมีเพียง ๓ กรม คือกรม
ั
ว่า “ตากา” มีหมัดมฤตยู เด็กๆ ลือกันว่าเคยชกเด็กฝร่งหมอบ รถไฟ กรมทาง และกรมไปรษณีย์โทรเลข หากนายช่างกรมใด
ึ
์
ื
ไปหลายคน จึงนับถือเจ้ากาเป็นไอดอล ยิ่งตอนเป็นหนุ่มรูปหล่อ ขาดกจะยมตัวจากอกกรมหน่งไปใช้งานได้ เจ้ากาวิละวงศจึงต้อง
ี
็
ร่างกายสูงใหญ่ ถือว่าเป็นขวัญใจเลยทีเดียว ท�างานสลับไปสลับมาระหว่างกรมทางกับกรมรถไฟ
ั
ี
ื
เม่อเกิดสงครามโลกคร้งท่ ๑ ในทวีปยุโรป พระบาท ใน พ.ศ. ๒๔๖๙ เจ้ากาวิละวงศ์ได้เลื่อนต�าแหน่งหน้าที่
สมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ทรงส่งทหารอาสาไปร่วมรบกับฝ่าย เป็นนายช่างภาคของกรมทาง ได้รับมอบหมายให้สารวจเส้น
�
สัมพันธมิตร เจ้ากาวิละวงศ์ได้สมัครเข้าร่วมในกองทัพสยาม ทางที่จะสร้างถนนจากขอนแก่นไปหนองคายและนครพนม และ
ด้วย ได้รับยศสิบโท ประจ�าการในกองบินทหารบก มีหน้าที่เป็น อีกเส้นทางหนึ่งระหว่างบ้านหมี่-บัวชุม-บัวใหญ่ ขณะที่ขึ้นเครื่อง
ล่ามประจาคณะ ทาความดีความชอบได้เล่อนยศสูงข้นเร่อยๆ บินตรวจการณ์ปีกสองชั้นของทหารจากโคราชย้อนลงไปสารวจ
ึ
�
ื
�
ื
�
จนเป็นนายดาบ ซึ่งเป็นระดับประทวนท่สูงกว่าจ่าสิบเอก หลัง แนวทางนั้น นักบินเกิดหลงทิศ พาเครื่องบินไปน�้ามันหมดเกือบ
ี
ี
สงครามได้เข้าเรียนต่อท่วิทยาลัยก่อสร้างสะพานและถนนแห่ง ถึงชายแดนพม่าโน่น ต้องร่อนลงแล้วโดนยอดไม้ตีลังกาตกในป่า
ชาติของฝรั่งเศส (École nationale des ponts et chaussées) บ้านหม่องกั๊วะ อ�าเภออุ้มผาง จากภาพที่ถ่ายจากกล้องของท่าน
้
�
ี
ั
ื
จบแล้วฝึกงานกับการรถไฟท่น่นประมาณปีเศษ จึงได้เดินทาง เองจึงเห็นเคร่องบินหงายท้อง แต่ไม่ระเบิดไฟลุกไหม้เพราะนามัน
กลับเมืองไทย คงแห้งถังจริงๆ ตัวท่านก็อึดมากเพียงแต่ข้อกระดูกไหล่หลุด
206 I 206