Page 10 - :: สมุดภาพภูเก็ต ::
P. 10
และบางครั�งเรียก เมืองถล�าง ชื�อของถลางแต่เดิมจึง ขึ�นกับฝ่่ายกลาโหม แส่ดงถึงการปกครองของอยุธิยา
น่าจะหมายถึงชื�อของแหลมที�ชาวต่างประเทศเรียก ที�มีอำานาจในบริเวณนี�ซึ�งย่อมต�องควบคุมทรัพยากรทาง
แหลมจังซีลอน ซึ�งก็คือแหลมถลาง หรือแหลมส่ลาง เศรษ์ฐกิจของพื�นที�นี�เช่นกัน
ก่อนจะเป็นชื�อเมืองถลางที�ปรากฏในเวลาต่อมา ต่อมารัชกาลส่มเด็จพระเจ�าทรงธิรรม ทรงอนุญาต
ในระยะแรกภูเก็ตคงมีลักษ์ณะเป็นชุมชนขนาดเล็ก ให�พ่อค�าชาวฮอลันดารับซื�อแร่ดีบุกบริเวณเกาะภูเก็ตใน
และเป็นเพียงจุดแวะจอดพักเรือส่ินค�า ปรากฏหลักฐาน พ.ศ. ๒๑๖๙ ส่ันนิษ์ฐานว่าบริเวณเกาะภูเก็ตมีเมืองภูเก็ต
ราวพุทธิศตวรรษ์ที� ๑๖ กล่าวถึงกองทัพจากรัฐโจฬะ เพิ�มอีกเมืองหนึ�งแล�ว แต่ยังไม่มีเอกส่ารใดระบุเขตแดน
อาณาจักรตอนใต�ของอินเดียยกทัพมารุกรานอาณาจักร ชัดเจนระหว่างเมืองภูเก็ต เมืองถลาง จนกระทั�งปี พ.ศ.
ศรีวิชัยได�ตั�งทัพอยู่ที�เมืองมณิกคราม (มนิกกิรมัม) ๒๓๘๔ พงศาวดารเมืองถลางให�ข�อมูลเขตแดนของ
แปลว่า เมืองทับทิม หรือเมืองแก�ว นักประวัติศาส่ตร์ ทั�งส่องเมืองว่า เมืองภูเก็ตและเมืองถลางใช�คลองบางคูคด
ท�องถิ�นส่ันนิษ์ฐานว่าอาจเป็นบริเวณบ�านมานิก ในเขต เป็นเส่�นแบ่งเขตเมือง ส่่วนพื�นที�ด�านทะเลฝ่ั�งตะวันออก
อำาเภอถลางปัจจุบัน แม�จะมิได�ปรากฏชื�อภูเก็ต ตั�งแต่เกาะมะพร�าวลงไปทางใต�แหลมงา แหลมพับผู้�า
อย่างเด่นชัด แต่ก็ส่ะท�อนความส่ำาคัญของพื�นที�แห่งนี� เป็นเขตแดนเมืองภูเก็ต และตั�งแต่เกาะยาว เกาะลังขึ�นไป
ในด�านการใช�ประโยชน์เป็นแหล่งเส่บียง และจุดพัก จนถึงแหลมปากพระเป็นเขตแดนเมืองถลาง ส่่วนปากพระ
ไพร่พล อีกฟ้ากหนึ�งเป็นเขตเมืองตะกั�วทุ่ง การแบ่งเขตแดนเช่นนี�
นอกจากนี�ชื�อของเมืองภูเก็ตยังปรากฏในตำานาน อาจเริ�มมีอย่างช�าสุ่ดในส่มัยธินบุรี
เมืองนครศรีธิรรมราช ซึ�งกล่าวถึงอำานาจการปกครอง ส่มัยธินบุรี ส่มเด็จพระเจ�่กรุงธินบุรีทรงจัดการดูแล
ของอาณาจักรตามพรลิงค์ หรืออาณาจักรศิริธิรรมนคร หัวเมืองภาคใต�ด�วยการส่่งเจ�าพระยาอินทรวงษ์ามาเป็น
มีอำานาจอยู่ในช่วง พ.ศ. ๑๗๐๐ - ๑๘๐๐ ได�ครอบครอง ผูู้�ส่ำาเร็จราชการมีอำานาจดูแลการเก็บภาษ์ีอากรใน
พื�นที�ภาคใต�รวมถึงฝ่ั�งตะวันตก รวมบริเวณเมือง เมืองถลางซึ�งมีความส่ำาคัญในฐานะเมืองท่าทางฝ่ั�ง
ตะกั�วป่าและถลาง พร�อมทั�งจัดการปกครองเมืองต่างๆ ภาคใต�ตะวันตกและปกครองหัวเมืองขนาดเล็กใกล�เคียง
ในรูปแบบของเมืองส่ิบส่องนักษ์ัตร โดยเรียกเมือง เช่น เมืองถลางบางคลี เมืองตะกั�วทุ่ง เมืองคุระบุรี
บริเวณนี�ว่า เมืองตะกั�วถลาง ขึ�นกับศูนย์กลางที�เมือง เมืองตะกั�วป่า ในส่มัยนี�เมืองถลางยิ�งมีความส่ำาคัญใน
นครศรีธิรรมราช ใช�ตราประจำาเมืองเป็นรูปสุ่นัขหมายถึง ทางยุทธิศาส่ตร์เพราะส่ามารถเป็นแหล่งซื�อหาอาวุธิปืน
ปีจอ กับชาติตะวันตกมาใช�ในราชการโดยแลกกับแร่ดีบุกที�มี
การปรากฏชื�อส่ถานที�นี�อยู่ในเส่�นทางเดินเรือ อย่างอุดมส่มบูรณ์
แส่ดงถึงความส่ำาคัญ เนื�องด�วยลักษ์ณะการเดินเรือ ครั�นถึงส่มัยต�นรัตนโกส่ินทร์ เกิดเหตุการณ์ส่ำาคัญ
แต่โบราณต�องหาจุดแวะพักหลบลมพายุและเติมนำ�ากับ คือส่งครามเก�าทัพใน พ.ศ. ๒๓๒๘ ซึ�งกระทบต่อเมือง
เส่บียงตลอดจนแลกเปลี�ยนส่ินค�ากับคนในท�องถิ�น ถลางเพราะกองทัพพม่ายกทัพมาถึง ๙ เส่�นทาง ฝ่่ายพม่า
ซึ�งเกาะภูเก็ตมีความเหมาะส่มด�วยมีแหล่งนำ�า อาหาร ได�ยกทัพมาทางทะเลตะวันตก ตีได�เมืองตะกั�วป่า ตะกั�วทุ่ง
รวมทั�งทรัพยากรด�านส่ินแร่ดีบุกซึ�งจะเป็นปัจจัย แต่ไม่ส่ามารถตีเมืองถลางได�เนื�องจากท่านผูู้�หญิงจัน
ที�ส่่งเส่ริมให�ภูเก็ตพัฒินาเป็นเมืองส่ำาคัญมากขึ�น โดยใน คุณมุก และชาวเมืองร่วมกันต่อต�านข�าศึก หลังเส่ร็จศึก
ส่มัยอยุธิยา รัชกาลส่มเด็จพระเอกาทศรถ (พ.ศ. ๒๑๔๘ - พระบาทส่มเด็จพระพุทธิยอดฟ้้าจุฬาโลกมหาราช
๒๑๖๓) ปรากฏชื�อเมืองตะกั�วทุ่ง ตะกั�วป่า และเมืองถลาง ทรงแต่งตั�งให�ท่านผูู้�หญิงจันเป็นท�าวเทพกระษ์ัตรี ส่่วน
8 สืมุดภาพิภ้เก็ต